COWBOY COFFEE
Kwan Phayao Lake house @ Kwan Aing Home Stay
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558
ดื่มกาแฟทุกวัน ทำความสะอาดเส้นเลือด?
ทีมวิจัยทางการแพทย์จากเกาหลีใต้ เผยแพร่ผลการวิจัยชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า การดื่มกาแฟในระดับปานกลาง ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปทุกวัน อาจส่งผลให้เส้นเลือดของคนเราสะอาดขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคหัวใจอันเนื่องจากเส้นเลือดอุดตันลงได้
งานวิจัยดังกล่าวใช้วิธีการศึกษากลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิงที่เป็นพนักงานประจำมากกว่า 25,000 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และแต่ละไม่มีสัญญาณแสดงอาการโรคหัวใจใดๆ ออกมาภายนอก แต่จากการสแกนพบว่า 1 ใน 10 ของกลุ่มตัวอย่างถูกสแกนพบภาวะแคลเซียมเกาะผนังเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของการอุดตันของเส้นเลือดอยู่แล้ว
หลังจากนั้นทีมวิจัยนำเอาผลการสแกนมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมการดื่มกาแฟของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด (โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจอื่นๆ ประกอบด้วยอาทิ การสูบบุหรี่, การออกกำลังกายและประวัติการป่วยเป็นโรคหัวใจของครอบครัว) พบว่า พนักงานที่ดื่มกาแฟในปริมาณปานกลาง ระหว่าง 3-5 ถ้วยต่อวัน มีแนวโน้มมีสัญญาณซึ่งแสดงถึงอาการเบื้องต้นของโรคหัวใจน้อยลง เพราะมีแนวโน้มที่จะพบภาวะแคลเซียมเกาะผนังเส้นเลือดหัวใจน้อยกว่ากลุ่มตัวอย่างซึ่งดื่มกาแฟมากกว่า หรือไม่ดื่มกาแฟเลย
หลังจากนั้นทีมวิจัยนำเอาผลการสแกนมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมการดื่มกาแฟของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด (โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจอื่นๆ ประกอบด้วยอาทิ การสูบบุหรี่, การออกกำลังกายและประวัติการป่วยเป็นโรคหัวใจของครอบครัว) พบว่า พนักงานที่ดื่มกาแฟในปริมาณปานกลาง ระหว่าง 3-5 ถ้วยต่อวัน มีแนวโน้มมีสัญญาณซึ่งแสดงถึงอาการเบื้องต้นของโรคหัวใจน้อยลง เพราะมีแนวโน้มที่จะพบภาวะแคลเซียมเกาะผนังเส้นเลือดหัวใจน้อยกว่ากลุ่มตัวอย่างซึ่งดื่มกาแฟมากกว่า หรือไม่ดื่มกาแฟเลย
อย่างไรก็ตามทีมวิจัยยอมรับว่ายังคงจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยต่อเนื่อง เพื่อยืนยันผลการศึกษาครั้งนี้และค้นหาคำอธิบายว่า กาแฟ เชื่อมโยงกับภาวะแคลเซียมเกาะผนังเส้นเลือดหัวใจอย่างไร
งานวิจัยครั้งนี้ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอีกครั้งถึงผลกระทบของกาแฟต่อสุขภาพของหัวใจ ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า การดื่มกาแฟเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคหัวใจ ด้วยการไปเพิ่มคอเรสเตอรอลและแรงดันเลือด
แต่ก็มีงานวิจัยบางชิ้นก่อนหน้านี้เช่นกันที่แสดงให้เห็นว่าการดื่มกาแฟช่วยป้องกันโรคหัวใจในบางลักษณะได้
ที่มา http://campus.sanook.com/1376849/
พริก
หนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของอาหารไทย คือ รสเผ็ดจากพริกหรือเครื่องเทศที่ใช้ นอกจากจะเสริมให้อร่อยลิ้นแล้ว ถ้ารับประทานรสเผ็ดที่เหมาะสมย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพ
นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เล่าว่า การกินเผ็ดแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้นั้นจะนำความเดือดร้อนมาให้ได้ เช่น กินเผ็ดจนเป็นโรคกระเพาะ หรือกินเผ็ดจัดในขณะท้องว่าง แถมยังกินผิดเวลา อย่างนี้เผ็ดก็เป็นโทษได้ ส่วนผู้ที่กินเผ็ดอย่างเข้าใจนั้นนอกจากจะได้เรื่องความอร่อยลิ้นแล้วยังได้อานิสงส์จากความเผ็ดในแง่สุขภาพอีกหลายข้อ ในวันนี้จะขอนำประโยชน์เผ็ดจาก “พริก” มาเล่าให้ฟังเป็นข้อๆ
เริ่มจากพริกช่วยป้องกันหัวใจ ด้วยวิตามินสำคัญ คือ วิตามินเอ, วิตามินซี, แคลเซียม และธาตุเหล็กมีมากในพริกสดและพริกแห้ง ถ้าห่วงเรื่องการเผ็ดมากให้ไปรับประทานพริกไทยหรือพริกหวานที่ใส่ในสลัดก็ยังได้
ต่อมาช่วยขยายหลอดลม มีเคมีที่ช่วยขับเสมหะและเปิดคอให้โล่งขึ้น ในคนที่เป็นภูมิแพ้ การกินเผ็ดจะช่วยได้ดีมาก หากเป็นเด็กอาจเพียงแค่พริกไทยหรือใช้หัวหอมที่เผ็ดน้อยพอ และสำหรับเด็กน้อยกับผู้สูงวัยขอให้ระวังอย่าให้สำลักพริกด้วย
ทั้งยังช่วยไล่เซลล์มะเร็ง แค่พริกป่นง่ายๆ อย่างนี้ก็ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และมะเร็งผิวหนังกับมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วย เพราะพริกช่วยล้างพิษ (Detox) ให้กับร่างกาย ลำพังใช้พริกป่นในพวงเครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวก็ช่วยได้แล้ว แต่ถ้ายิ่งได้รับประทานพริกสดด้วย อย่างน้ำปลาพริกขี้หนูสดก็ยิ่งช่วยได้ดี
นอกจากนี้ความเผ็ดของพริกช่วยลดไขมัน ป้องกันลิ่มเลือดจับตัว และช่วยคุมน้ำหนัก เพราะทำหน้าที่เผาผลาญพลังงานให้ด้วย ทั้งนี้จากการศึกษาในอินเดียพบว่า อาสาสมัครที่รับประทานพริกนั้นให้ผลในการลดลิ่มเลือดอุดตันตามหลอดเลือดได้ อีกทั้งปลอดภัยจากสารพิษตกค้างไม่เหมือนกับกินยาด้วย
แล้วยังสามารถลดปวดด้วยกรดเผ็ด ที่เรียกว่า “แคปไซซิน” ในพริก รวมถึงสาร “เคอคิวมิน” ในเครื่องเทศอย่างขมิ้นที่ช่วยดับไฟอักเสบได้ จึงเหมาะกับผู้มีอาการปวดไปจนถึงแสบร้อนจากการอักเสบตามที่ต่างๆ อาทิ โรคเริม, งูสวัดไปจนถึงปวดอักเสบตามข้ออย่างรูมาตอยด์, ข้อเสื่อม และอาการปวดฟกช้ำทั้งหลาย
พริกเผ็ดยังช่วยคลายเครียด พริกเป็นอาหารร่าเริงที่แท้จริงเพราะสร้าง “เอ็นดอฟิน” เป็นเคมีสุขที่ทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวาหลั่งออกมาภายหลังจากกินเผ็ดไปไม่นาน ลองสังเกตอาการหลังทานส้มตำพริกสิบเม็ดได้ว่าเหงื่อออกแล้วสบายตัวสดชื่นดี
และสุดท้ายช่วยเรียกน้ำย่อยเจริญอาหาร ผู้ใหญ่มักเบื่ออาหารเมื่อถึงวัยหนึ่ง ดังนั้นการได้รับประทานรสเผ็ดจะช่วยสะกิดต่อมรับรสให้รู้โอชะได้ดีขึ้น นอกจากรสขมแล้วเผ็ดเป็นรสที่ช่วยกระตุ้นดอกลิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง.
ข้อมูลจาก : http://www.dailynews.co.th/
วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558
สระว่ายน้ำ
ประเภทของสระว่ายน้ำ มี 2 ประเภท
1. Over Flow คือ การนำน้ำในสระไปบำบัดฆ่าเชื้อโรค โดยให้น้ำล้นออกมาขอบสระแล้วผ่านรางรอบ ๆ ของขอบสระไปรวมที่ Surge Tank แล้วใช้ปั๊มน้ำดูดเข้าผ่านเครื่องกรอง (Filter) กลับสู่สระอีกครั้ง
2. Skimmer คือ การนำน้ำในสระไปบำบัด โดยผ่านช่องของ Skimmer Box เข้าปั๊มน้ำและ Filter โดยตรงและส่งกลับมายังสระว่ายน้ำอีกครั้ง
1. ปั๊ม (Pump) เพื่อดูดน้ำจากสระ เพื่อนำมาเข้าเครื่องกรอง (Filter Tank) ซึ่งมีหลายราคา
2. เครื่องกรอง (Filter) มีหน้าที่กรองสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง จากน้ำในสระ มีหลายชนิด เช่น
3. นอกจากนั้นจะเป็นระบบการบำบัดฆ่าเชื้อโรคในน้ำ จะมีราคาแตกต่างกันไปตามความสะดวก ตั้งแต่ระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยคลอรีน ซึ่งต้องวัดค่า PH ด้วยเครื่องวัดค่าเทียบสีและต้องทำทุกวัน แล้วปรับค่า PH ด้วยการใส่กรดและด่าง ด้วยการเทลงในน้ำเอง แล้ววัดค่าดูอีกครั้ง ผลสุดท้ายจะเกิดความเบื่อ และต้องจ้างผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษา ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อเดือนค่อนข้างสูง ต่อมามีการพัฒนาด้วยการจ่ายคลอรีนด้วยปั๊มอัตโนมัติ โดยมี Censor Head เป็นตัววัดและสั่งจ่ายคลอรีนอย่างแม่นยำกว่าและต่อมาได้มีการพัฒนาด้วยการปรับค่า PH ด้วย Censor Head แล้วสั่งปั๊มทำงานอัตโนมัติสั่งจ่ายปรับค่า PH การทำความสะอาดพื้นสระว่ายน้ำก็ใช้ระบบ Vacuum เหมือนเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป หรือใช้ Robot ทำงานเอง หรือใช้ Floor Selfหรือใช้ Floor Self Cleaning ในการทำความสะอาดพื้นสระ
ระบบฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ (Pool Water Hygiene)
ระบบบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำที่ใช้อยู่ปัจจุบันนี้ ประกอบด้วย 3 ระบบ คือ
1.ระบบน้ำเกลือ (Salt Water) เป็นระบบที่ดีที่สุด โดยการใช้น้ำเกลือธรรมชาติ (NaCI = Sodium Chloride) มาผ่านขบวนการ Electrolytic Process ของเครื่อง Salt Chlorinator มาทำการฆ่าเชื้อโรคในน้ำโดยเกิด Sodium Hypochloriteและ Sodium Chloride (NaCl) ซึ่งเป็นเกลือธรรมชาติดั้งเดิม และน้ำเกลือเมื่อใช้ฆ่าเชื้อโรคแล้วจะไม่สูญหายไปไหน จะเติมก็ต่อเมื่อมีการทำ Back Wash คือ ล้างเครื่องกรอง หรือฝนตกจนน้ำล้นออกจากสระว่ายน้ำ ดังนั้นการเติมเกลือจะเติมประมาณปีละ 2-3 ครั้ง และน้ำเกลือจะมีความเข้มข้นเพียง 0.3% เท่านั้นเอง (ประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำตาคนเรา)ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีประชากรที่มีสระว่ายน้ำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ Swimming Poolจำนวน 90% ใช้ระบบน้ำเกลือ และ 10% เป็นสระว่ายน้ำรุ่นเก่าใช้ระบบคลอรีน ซึ่งรอการเปลี่ยนเข้าสู่ระบบน้ำเกลือระบบน้ำเกลือ นับเป็นระบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังได้ดีอีกด้วย (Mild Salt Water HasTherapeutic Benefits) แต่อย่างไรก็แล้วแต่ระบบเกลือก็ยังต้องดูแลค่า PH ความเป็นกรดและความเป็นด่างของน้ำในสระซึ่งจะมีความเป็นด่างเพิ่มขึ้นเท่านั้น จะไม่มีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น จากผลของการใช้น้ำเกลือผ่าน Electrolytic Process
2. ระบบคลอรีน เป็นตัวฆ่าเชื้อโรคในน้ำ โดยอาจนำคลอรีนมาฆ่าเชื้อในรูปของ ของเหลว(Liquid Chlorine)หรือเป็นเม็ด(Tabletes) หรืออัดมาเป็นก้อน หรือเป็นผง (Powder) แล้วแต่บริษัทจะผลิตขึ้นมาโดยใส่ลงในสระว่ายน้ำ ด้วยการโรยผงคลอรีน เป็นผงคลอรีนเหลวเทลงในสระ หรือเป็นก้อนคลอรีนใส่ใน Skimmer เพื่อให้ค่อย ๆ ละลายในสระว่ายน้ำ ตัวคลอรีนจะเปลี่ยนเป็นตัวฆ่าเชื้อโรค โดยจะทำงานหรือฆ่าเชื้อโรคได้ก็ต่อเมื่อน้ำในสระมีค่า PH อยู่ระหว่าง 7.2-7.8ซึ่งถ้าหากน้ำ ในสระมีค่าความเป็นด่าง ก็ต้องเติมกรดลงไป แล้วแต่บริษัทจะใส่กรดอะไร ค่าความเป็นด่างจะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อขี้เหงื่อ และขี้ไคลของผู้ที่ลงไปเล่นในสระว่ายน้ำ (Bather) ดังนั้นก่อนลงสระว่ายน้ำ จึงต้องอาบน้ำล้างตัวก่อนลงสระ หรืออาจจะเกิดเศษใบไม้ใบหญ้หรือฝุ่นละออง ที่ลงไปในสระว่ายน้ำ แต่ถ้าน้ำในสระมีค่า PH ต่ำลง คือมีความเป็นกรดสูงขึ้น ก็ต้องเติมสารที่เป็นด่างเพื่อปรับค่า PH อาจเป็น Buffer หรือ Soda ash ก็ได้
ดังนั้นจึงต้องมีการวัดค่า PH ของน้ำในสระทุก ๆ วัน แต่ปัจจุบันนี้มีเครื่องวัดค่า PH ที่ทำงานโดยอัตโนมัติสามารถปั๊มกรดหรือปั๊มด่างลงไปในสระว่ายน้ำ เพื่อปรับค่า PH มิฉะนั้นไม่ว่าจะใส่คลอรีนมากขนาดไหน คลอรีนก็จะไม่ทำงาน มีแต่จะเหม็นกลิ่นคลอรีนเพิ่มขึ้น
ข้อควรระวัง คลอรีนเป็นสารที่อันตรายต่อร่างกายที่ต้องระวังในการดูแล เพราะเป็นสารเคมี ซึ่งอาจจะทำอันตรายต่อร่างกายและผิวหนังได้ เมื่อได้กลิ่นจะรู้สึกแสบจมูก ถ้าเข้าตาต้องรีบล้างออกหรือพบแพทย์ แต่ถ้าว่ายน้ำนาน ๆ จะทำให้เส้นผมแห้งกรอบและผิวแห้งกร้านได้ คลอรีนต้องเติมทุกวัน เพราะคลอรีนจะใช้ในการย่อยเศษผงใบไม้หรือขี้ไคลสิ่งสกปรกจากร่างกาย และจะถูกทำลายโดยรังสี UV (Ultra Violet) ในแสงแดด และความร้อน ดังนั้นจึงนิยมใส่คลอรีนตอนกลางคืนหลังจากไม่มีคนเล่นน้ำแล้ว เพื่อป้องกันการสิ้นเปลืองของคลอรีน
3. ระบบ Ozone Treatment โดยการผลิตก๊าซโอโซน (Ozone Gas) จากเครื่องอัดอากาศ (O2) ในอากาศให้กลายเป็นก๊าซโอโซน และสัมผัส (Contact) กับน้ำโดยตรง เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเป็นตัวฆ่าเชื้อโรคที่มีศักยภาพสูงมากใช้ในการดูแลน้ำของระบบ Spa หรือสระว่ายน้ำ โอโซนจะไม่มีสารตกค้าง แต่เมื่อน้ำผ่านโอโซนถูกฆ่าเชื้อโรคเรียบร้อยแล้วน้ำที่สะอาดจะลงสู่สระว่ายน้ำ และในขณะที่น้ำอยู่ในสระประมาณ 3-6 ชั่วโมงนั้น ไม่มีอะไรไปฆ่าเชื้อโรค จนกว่าน้ำกลับมาผ่านโอโซนอีกครั้งดังนั้น เมื่อมีคนนำเชื้อโรคลงในสระว่ายน้ำ ไม่ว่าเชื้อโรคอะไรเชื้อนั้นจะอยู่ในสระปนกับน้ำ ทำให้เกิดโรคติดต่อแก่ผู้เล่นน้ำในสระเดียวกันได้ ซึ่งเชื้อโรคนั้นจะต้องผ่านเครื่องฉีดโอโซนอีกครั้ง เชื้อโรคจึงจะถูกทำลาย ซึ่งบางประเทศจึงมีกฎหมายสำหรับสระว่ายน้ำสาธารณะ (Public Swimming Pool) ห้ามใช้ระบบโอโซนอย่างเดียว ต้องใช้ควบคู่กับระบบอื่น (เช่นใช้คลอรีนหรือน้ำเกลือ) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ
ที่มาPoolandFresh
1. Over Flow คือ การนำน้ำในสระไปบำบัดฆ่าเชื้อโรค โดยให้น้ำล้นออกมาขอบสระแล้วผ่านรางรอบ ๆ ของขอบสระไปรวมที่ Surge Tank แล้วใช้ปั๊มน้ำดูดเข้าผ่านเครื่องกรอง (Filter) กลับสู่สระอีกครั้ง
ข้อดี ข้อเสีย | - ทำให้ดูแผ่นน้ำตึงขอบสระสวย ซึ่งนิยมใช้ในประเทศไทย - ทำให้เกิดการหมักหมมของเศษสิ่งสกปรกบริเวณรางน้ำของขอบสระ ซึ่งมักจะใช้ Granate Grill ปิดเอาไว้ หรือใช้กรวดเป็นตัวปิดความสกปรก เมื่อคุ้ยกรวดออกจะเห็นเหมือนท่อระบายน้ำ - ต้องมี Surge Tank เป็นการเพิ่มความยุ่งยากในการก่อสร้าง |
ข้อดี ข้อเสีย | - ทำให้น้ำไหลผ่านระบบด้วยระยะทางสั้นกว่า เพราะไม่ต้องผ่าน Surge Tank ทำให้ใช้น้ำปริมาตรที่น้อยกว่าระบบน้ำล้น - ไม่เกิดการหมักหมมระหว่างทางเดินของน้ำ - ระดับน้ำจะต่ำกว่าขอบสระว่ายน้ำประมาณ 4 -10 ซม. จะไม่ดูแผ่นน้ำตึงปิดขอบสระ เหมือนระบบน้ำล้น การไหลกลับของน้ำสู่สระว่ายน้ำทั้ง 2 แบบ อาจะเป็น Floor Return หรือ Wall Return ก็ได้ หรือบางครั้งก็ทำเป็นน้ำตก หรือ Water Blade หรือเป็นรูปปั้น พ่นน้ำลงสระ ขึ้นอยู่กับการ Design |
ระบบพื้นฐานของสระว่ายน้ำมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
|
2. เครื่องกรอง (Filter) มีหน้าที่กรองสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง จากน้ำในสระ มีหลายชนิด เช่น
- - - | Cartgridege Filter (เครื่องกรองกระดาษ) จะมีลักษณะเป็นถุงกระดาษ ผ้าหรือโพลีเอสเตอร์ ส่วนใหญ่จะใช้กับบ่อสปา หรือสระน้ำเล็กๆ การทำความสะอาดจะต้องถอดล้างเป็นประจำ ถ้าเครื่องกรองมีลักษณะเป็นผ้าจะต้องใช้ผงกรองเคลือบแผ่นผ้าในการทำความสะอาดหรือ Back Wash ทุกครั้ง Sand Filter (เครื่องกรองทราย) ซึ่งจะมี Option พิเศษ เช่น High-Rate หรือมี Multi Port Value เพื่อความสะดวกในการล้างและทำความสะอาดเครื่องกรองเอง Diatomaceous Earth Filter เป็นเครื่องกรองที่ใช้ผงกรองที่ทำจากฟอสซิล ซึ่งนำมาบดให้ละเอียด ทำให้มีการกรองที่ละเอียดดี แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้เนื่องจากหายากและค่อนข้างยุ่งยากในการดูแลรักษา |
ระบบฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ (Pool Water Hygiene)
ระบบบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำที่ใช้อยู่ปัจจุบันนี้ ประกอบด้วย 3 ระบบ คือ
1.ระบบน้ำเกลือ (Salt Water) เป็นระบบที่ดีที่สุด โดยการใช้น้ำเกลือธรรมชาติ (NaCI = Sodium Chloride) มาผ่านขบวนการ Electrolytic Process ของเครื่อง Salt Chlorinator มาทำการฆ่าเชื้อโรคในน้ำโดยเกิด Sodium Hypochloriteและ Sodium Chloride (NaCl) ซึ่งเป็นเกลือธรรมชาติดั้งเดิม และน้ำเกลือเมื่อใช้ฆ่าเชื้อโรคแล้วจะไม่สูญหายไปไหน จะเติมก็ต่อเมื่อมีการทำ Back Wash คือ ล้างเครื่องกรอง หรือฝนตกจนน้ำล้นออกจากสระว่ายน้ำ ดังนั้นการเติมเกลือจะเติมประมาณปีละ 2-3 ครั้ง และน้ำเกลือจะมีความเข้มข้นเพียง 0.3% เท่านั้นเอง (ประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำตาคนเรา)ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีประชากรที่มีสระว่ายน้ำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ Swimming Poolจำนวน 90% ใช้ระบบน้ำเกลือ และ 10% เป็นสระว่ายน้ำรุ่นเก่าใช้ระบบคลอรีน ซึ่งรอการเปลี่ยนเข้าสู่ระบบน้ำเกลือระบบน้ำเกลือ นับเป็นระบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังได้ดีอีกด้วย (Mild Salt Water HasTherapeutic Benefits) แต่อย่างไรก็แล้วแต่ระบบเกลือก็ยังต้องดูแลค่า PH ความเป็นกรดและความเป็นด่างของน้ำในสระซึ่งจะมีความเป็นด่างเพิ่มขึ้นเท่านั้น จะไม่มีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น จากผลของการใช้น้ำเกลือผ่าน Electrolytic Process
2NaCl + H2O > NaOCl + NaCl+H2+H2O | ||
(ตัวฆ่าเชื้อโรค) (เกลือธรรมชาติ) |
ดังนั้นจึงต้องมีการวัดค่า PH ของน้ำในสระทุก ๆ วัน แต่ปัจจุบันนี้มีเครื่องวัดค่า PH ที่ทำงานโดยอัตโนมัติสามารถปั๊มกรดหรือปั๊มด่างลงไปในสระว่ายน้ำ เพื่อปรับค่า PH มิฉะนั้นไม่ว่าจะใส่คลอรีนมากขนาดไหน คลอรีนก็จะไม่ทำงาน มีแต่จะเหม็นกลิ่นคลอรีนเพิ่มขึ้น
ข้อควรระวัง คลอรีนเป็นสารที่อันตรายต่อร่างกายที่ต้องระวังในการดูแล เพราะเป็นสารเคมี ซึ่งอาจจะทำอันตรายต่อร่างกายและผิวหนังได้ เมื่อได้กลิ่นจะรู้สึกแสบจมูก ถ้าเข้าตาต้องรีบล้างออกหรือพบแพทย์ แต่ถ้าว่ายน้ำนาน ๆ จะทำให้เส้นผมแห้งกรอบและผิวแห้งกร้านได้ คลอรีนต้องเติมทุกวัน เพราะคลอรีนจะใช้ในการย่อยเศษผงใบไม้หรือขี้ไคลสิ่งสกปรกจากร่างกาย และจะถูกทำลายโดยรังสี UV (Ultra Violet) ในแสงแดด และความร้อน ดังนั้นจึงนิยมใส่คลอรีนตอนกลางคืนหลังจากไม่มีคนเล่นน้ำแล้ว เพื่อป้องกันการสิ้นเปลืองของคลอรีน
3. ระบบ Ozone Treatment โดยการผลิตก๊าซโอโซน (Ozone Gas) จากเครื่องอัดอากาศ (O2) ในอากาศให้กลายเป็นก๊าซโอโซน และสัมผัส (Contact) กับน้ำโดยตรง เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเป็นตัวฆ่าเชื้อโรคที่มีศักยภาพสูงมากใช้ในการดูแลน้ำของระบบ Spa หรือสระว่ายน้ำ โอโซนจะไม่มีสารตกค้าง แต่เมื่อน้ำผ่านโอโซนถูกฆ่าเชื้อโรคเรียบร้อยแล้วน้ำที่สะอาดจะลงสู่สระว่ายน้ำ และในขณะที่น้ำอยู่ในสระประมาณ 3-6 ชั่วโมงนั้น ไม่มีอะไรไปฆ่าเชื้อโรค จนกว่าน้ำกลับมาผ่านโอโซนอีกครั้งดังนั้น เมื่อมีคนนำเชื้อโรคลงในสระว่ายน้ำ ไม่ว่าเชื้อโรคอะไรเชื้อนั้นจะอยู่ในสระปนกับน้ำ ทำให้เกิดโรคติดต่อแก่ผู้เล่นน้ำในสระเดียวกันได้ ซึ่งเชื้อโรคนั้นจะต้องผ่านเครื่องฉีดโอโซนอีกครั้ง เชื้อโรคจึงจะถูกทำลาย ซึ่งบางประเทศจึงมีกฎหมายสำหรับสระว่ายน้ำสาธารณะ (Public Swimming Pool) ห้ามใช้ระบบโอโซนอย่างเดียว ต้องใช้ควบคู่กับระบบอื่น (เช่นใช้คลอรีนหรือน้ำเกลือ) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ
ที่มาPoolandFresh
วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ท่องเที่ยว หรือไหว้พระ๙วัด แพคเกจกว๊านอิงโฮมสเตย์
กิจกรรมท่องเที่ยว หรือไหว้พระ๙วัดรับบุญสะเดาะเคราะห์ แพคเกจกว๊านอิงโฮมสเตย์ 2 วัน 2 คืน เที่ยวพะเยา-พักกว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์(โฮมสเตย์)-ไหว้พระวัดเก่าแก่- เวียนเทียนวัดกลางกว๊าน-ตักบาตรข้าวเหนียวริมกว๊าน-ขึ้นดอยหลวงพะเยา-ชมวิถีหมู่บ้านชาวเขา-เที่ยวสวนกาแฟอราบิก้า
แพคเกจท่องเที่ยว หรือ แพคเกจไหว้พระ ๙ วัด
วันแรก
06.00 น. รับท่านที่สถานีขนส่งจังหวัดพะเยา หรือ ท่านเดินทางเข้าที่พักด้วยรถตัวเองตามสะดวก06.30 น เข้าที่พักเก็บสัมภาระ ทำธุระส่วนตัว
07.00 น. รับอาหารเช้าเบาๆ(ขนมปัง ,ไข่ดาว ,ไส้กรอก , กาแฟสด หรือโกโก้)
08.00 น. พาไหว้พระกลางกว๊าน หลวงพ่อศิลา พระหินทรายแห่งวัดติโลกอาราม (วัดกลางน้ำ)
10.00 น. ออกเดินทางไหว้อนุเสารีย์พ่อขุนงำเมือง กษัตริย์ผู้ก่อตั้งเมืองพะเยา (พระสหายพ่อขุนรามคำแหง และพ่อขุนเม็งราย) พร้อมถ่ายรูปกว๊านพะเยาในบรรยากาศสดชื่นยามเช้า
11.00 น. เดินทางไปวัดศรีโคมคำ ไหว้ขอพรพระเจ้าตนหลวง พระพุธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนา สร้างโดยครูบาศรีวิชัย
11.30 น. เดินทางไปไหว้พระธาตุจอมทอง เจดีย์ทรงล้านนา เป็นพระธาตุที่เชื่อกันว่าเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(ข้าวซอยไก่ หรือเนื้อ)
12.30 น. เดินทางไปอำเภอแม่ใจ ต้นทางขึ้นดอยหลวงแวะชมสิ้นค้าพื้นบ้าน แก้กระหายด้วยมะพร้าวเผาน้ำหอม (หรือไหว้พระวัดหลวงราชสัณฐาน)
13.00 น. เดินทางขึ้นสู่ขุนเขาดอยหลวง สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนชาวเขา สวนกาแฟ การจัดเก็บเมล็ดกาแฟ
17.00 น. เดินทางกลับที่พักกลางสวนกาแฟ(หรือไหว้พระวัดราชคฤห์)
18.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สอง
06.00 น. เดินทางกลับที่พัก กว๊านพะเยาเล็คเฮ้าส์
07.00 น. ตักบาตรข้าวเหนียวริมกว๊านพะเยา(สำหรับท่านที่สนใจ)
08.00 น. รับอาหารเช้าเบาๆ(ขนมปัง ,ไข่ดาว ,ไส้กรอก , กาแฟสดหรือโกโก้)
09.00 น. เดินทางไหว้พระเจ้าล้านตื้อ ปางมารวิชัย ทำจากทองสำริด วัดศรีอุโมงค์คำ พระเจ้าล้านตื้อมีพระวรกายอวบอิ่ม สีทองงามอร่าม พระพักตร์ดูอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา มองแล้วให้ความรู้สึกสุขใจอิ่มบุญ
10.00 น. เดินทางไหว้พระ ชมพิพิทธภัณฑ์เวียงพะเยา ที่วัดลี แหล่งเก็บรักษาพระพุทธรูปหินทราย และพระโบราณที่ขุดพบในจังหวัดพะเยาจำนวนมาก
11.00 น. เดินทางไหว้พระเยี่ยมชม ภาพแกะสลักผาหินพุทธศิลป์ วัดผาธรรมนิมิต(วัดห้วยผาเกี๋ยง)
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น. เดินทางไปวัดอนาลโย
15.00 น. เดินทางรอบทะสาบริมกว๊านพะเยา
17.00 น. กลับที่พัก พักผ่อน กว๊านพะเยาเล็คเฮ้าส์
18.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย เดินเล่นริมกว๊านพะเยา ชมบรรยากาศยามเย็น ถนนคนเดินริมกว๊าน หรือถนนคนเดินหอการค้าพะเยา
เช้าวันที่สาม รับอาหารเช้าเบาๆ(ขนมปัง ,ไข่ดาว ,ไส้กรอก , กาแฟสดหรือโกโก้) จัดเตรียมสัมภาระ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
ราคาแพคเกจท่องเที่ยว 2 วัน 2คืน ต่อจำนวนผู้จองแพคเกจ
แพคเกจต่อจำนวนคน ราคาแพคเกจท่านละ กรณีให้รถไปรับที่สนามบิน/จ่ายเพิ่มท่านละ1 ท่าน 3,999.- 1,500.-
2-3 ท่าน 3,499.- 800.-
4-5 ท่าน 2,999.- 400.-
6 ท่าน 2,499.- 300.-
ราคาแพคเกจไหว้พระ ๙ วัดรับบุญสะเดาะเคราะห์ 2 วัน 2 คืน ต่อจำนวนผู้จองแพคเกจ
แพคเกจต่อจำนวนคน ราคาแพคเกจท่านละ กรณีให้รถไปรับที่สนามบิน/จ่ายเพิ่มท่านละ1 ท่าน 2,999.- 1,500.-
2-3 ท่าน 2,499.- 800.-
4-5 ท่าน 1,999.- 400.-
6 ท่าน 1,499.- 300.-
อัตราค่าบริการนี้รวม
1. ค่ารถนำเที่ยว ตามที่ระบุในรายการ
2. ค่าที่พัก 2 คืน ตามที่ระบุในรายการ(พักห้องละ 2 ท่าน)
3. ค่าอาหาร ตามที่ระบุในรายการ
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
1. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากรายการที่ระบุ อาทิเช่น ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งนอกเหนือรายการที่จัดให้,ค่าซักรีด , ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น2. ค่าใช้จ่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงการเดินทาง ที่เกิดจากผู้เดินทางเอง
3. ค่ารถโดยสารมาจังหวัดพะเยา
4. ไม่รวมค่าเดินทางจากสนามบิน
5. ไม่รวมค่าอาหารเย็น
สิ่งที่ควรนำติดตัว
1. ยาประจำตัว , ชุดที่สวมใส่สบาย , รองเท้าที่สวมใส่สบาย2. กล้องถ่ายรูป , อุปกรณ์กันแดด
3. เสือกันหนาว
เงื่อนไขการจองห้องพักหรือแพคเกจกว๊านอิงโฮมสเตย์ 2 วัน 2 คืน ช่วงเทศกาล
1. เมื่อสำรองแพคเกจ กรุณาแจ้งชื่อ-นามสกุล ,ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ในการติดต่อ 2. การสำรอง วางเงินมัดจำ 50 % ของราคาแพคเกจ เพื่อเป็นการยืนยันการจอง
3. ก่อนวันออกเดินทางตามแพคเกจ 15 วัน เป็นอย่างน้อย กรุณาชำระเงินส่วนที่เหลือให้ครบจึงจะถือว่าได้ทำการจองเสร็จสมบูรณ์
4. หากผู้จองแพคเกจ ก่อนวันถึงกำหนดออกเดินทางตามแพคเกจ น้อยกว่า 15 วัน กรุณาชำระเงินเต็มจำนวน
5. กรณีจองแพคเกจ หากท่านลืมไม่ได้ชำระค่าจองหรือลืมชำระส่วนที่เหลือยังไม่ครบตามกำหนด เราจะติดต่อท่านเพื่อขอคำตอบยื่นยันการจองอีกครั้ง
การขอยกเลิกและขอคืนค่าแพคเกจกรณีที่ท่านไม่สามารถเดินทางตามกำหนดการ(กรณีมัดจำไว้แล้ว)
1. ยกเลิกก่อนการออกเดินทางตามแพคเกจ 30 วัน กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ คืนเงินมัดจำทั้งหมดให้ 2. ยกเลิกก่อนการออกเดินทางตามแพคเกจ 15-29 วัน กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ ขอเก็บเงินค่ามัดจำทั้งหมด
3. การลืมไม่ได้ชำระเงินหรือไม่ขอยกเลิกตามกำหนดการ และไม่ได้แจ้งให้เราทราบ กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการจอง และขอเก็บเงินที่มัดจำทั้งหมด
การขอยกเลิกและขอคืนค่าแพคเกจกรณีท่านไม่สามารถเดินทางตามกำหนดการ (กรณีจ่ายครบแล้ว)
1. ยกเลิกก่อนการออกเดินทางตามแพคเกจ 7-14 วัน กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ ขอเก็บค่าใช้จ่าย 50 % ของราคาทั้งหมด
2. ยกเลิกก่อนการออกเดินทางตามแพคเกจ 7 วัน กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ ขอเก็บค่าใช้จ่าย 100 % ของราคาทั้งหมด
3. การลืมไม่ได้ชำระเงินหรือไม่ขอยกเลิกตามกำหนดการ และไม่ได้แจ้งให้เราทราบ กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการจอง และขอเก็บเงินที่จ่ายครบทั้งหมด
หมายเหตุ
1. กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเงื่อนไข หรือเลื่อนเดินทาง บางสถานที่ตามความเหมาะสมของสถานที่ โดยที่เรามิอาจทราบก่อนได้
2. กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ เป็นเพียงโฮมสเตย์และนำเที่ยว เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น อันเนื่องมาจากการนัดหยุดงาน , ความล่าช้าของพาหนะการเดินทาง , การประท้วง , การก่อจลาจล , อุบัติภัยธรรมชาติ และอื่นๆ ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของกว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์
3. กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว เพื่อให้เป็นไปตามความเหมาะสมของสถานที่และเวลา โดยมิอาจทราบหรือต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความปลอดภัยของท่านเป็นหลัก
4. เมื่อท่านตกลงชำระเงินมัดจำค่าค่าแพคเกจทั้งหมด กับทางกว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ แล้ว ทางกว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ จะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด
5.การโอนเงินชำระค่าแพคเกจ มาที่บัญชีดังนี้
ชื่อบัญชี ธนาคาร สาขา หมายเลขบัญชี ประเภทบัญชี
คุณ อุมาวดี ฉันทะ กรุงศร๊ ฯ พะเยา 219-1-23998-9 ออมทรัพย์
หากโอนเงินตามรายการมาที่บัญชี ดังรายละเอียดที่แจ้ง กรุณาส่งหลักฐานการโอน มาที LINE ID ; kwanphayaolakehouse
การจองที่พัก หรือแพคเกจ หรือไม่ได้จองที่พัก หรือจองแพคเกจ ไว้ ท่านสามารถติดต่อสอบถาม ที่พัก หรือติดต่อสอบถามแพคเกจกว๊านอิงโฮมสเตย์ ได้ที่กว๊านพะเยาเลคเฮ้า หรือจะโทรติดต่อสอบถามได้ที่ 054-431-885 , 085-714-3454 ตั้งแต่เวลา 06.00 - 22.00 ทุกวัน
ราคาเฉพาะที่พักกว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์(โฮมเตย์4ห้องพัก)หรือ กว๊านอิงโฮฒสเตย์ (โฮมสเตย์4ห้องพัก)ต่อจำนวนผู้พัก
ราคา ที่นอน ผู้พัก เด็ก 1 ท่านฟรี เพิ่ม 1 ท่าน พักได้
490.- ห้องไม้/ 2 เตียง 3 ฟุตครึ่ง ผู้ใหญ่ 2 ท่าน 100.- 3 คน
590.- 1 เตียง/ 5 ฟุต ผู้ใหญ่ 2 ท่าน 100.- 3 คน
590.- 2 เตียง/ 3 ฟุตครึ่ง ผู้ใหญ่ 2 ท่าน 100.- 3 คน
690.- 2 เตียง/ 6 ฟุต,3 ฟุตครึ่ง ผู้ใหญ่ 3 ท่าน 100.- 4 คน
690.- 2 เตียง/ 6 ฟุต,3 ฟุตครึ่ง ผู้ใหญ่ 3 ท่าน 100.- 4 คน
690.- 3 เตียง/ 3 ฟุตครึ่ง ผู้ใหญ่ 3 ท่าน 100.- 4 คน
วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
แนะนำเที่ยวพะเยา วัดศรีโคมคำ
"พระเจ้าตนหลวง"วัดศรีโคมคำ อ.เมือง จ.พะเยา “วัดศรีโคมคำ” ตั้งอยู่เลขที่ ๖๙๒ ถนนพหลโยธิน ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ริมกว๊านพะเยา กว๊านพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ ๑ ในภาคเหนือของประเทศไทย เป็นแหล่งน้ำที่มีธรรมชาติงดงาม อยู่ใจกลางเมืองพะเยา มีทิวเขาเป็นฉากบังข้างหลังสูงตระหง่านอย่างงดงามตา คำว่า “กว๊าน” ตามภาษาพื้นเมืองหมายถึง “บึง” มีเนื้อที่ ๑๒,๘๓๑ ไร่ มีความลึกเฉลี่ย ๑.๕ เมตร ลึกที่สุด ๔ เมตร เป็นแหล่งประมงน้ำจืด และเพาะพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ กว่า ๕๐ ชนิด เช่น ปลากราย ปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาจีน ปลานิลปลาไน ฯลฯ ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด พะเยาสามารถเพาะพันธุ์ปลาบึก จากพ่อพันธุ์ในบ่อเลี้ยงเป็นผลสำเร็จ เป็นแห่งแรกของโลกในปี พ.ศ.๒๕๔๔ สามารถเพาะพันธุ์ลูกปลาบึกได้เป็นแสนตัว ส่วนหนึ่งได้ปล่อยลงสู่กว๊านพะเยา ทัศนียภาพโดยรอบ กว๊านพะเยาเหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ในยามเย็นชมพระอาทิตย์ตกริมกว๊าน เป็นภาพที่สวยงามมาก ซึ่งเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็นและผู้มาเยือน จนอาจกล่าวได้ว่า หัวใจของเมืองพะเยาอยู่ที่ ‘กว๊านพะเยา
“วัดศรีโคมคำ” เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองพะเยา เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ และวัดพัฒนาตัวอย่าง ชาวเมืองพะเยาทั่วไปนิยมเรียกว่า “วัดพระเจ้าตนหลวง” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน “พระเจ้าตนหลวง” โดยสร้างขึ้นในระหว่างปีพุทธศักราช ๒๐๓๔-๒๐๖๗ “พระเจ้าตนหลวง” เป็นพระประธานเก่าแก่ในพระวิหารหลวง ศิลปะเชียงแสนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในล้านนา มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑๔ เมตร และสูง ๑๖ เมตร สร้างจากอิฐมอญผสมกับปูนขาว ชาวพะเยาถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เดือนหกของทุกปีจะมีงานนมัสการพระเจ้าตนหลวง ตามตำนาน พระเจ้าตนหลวงสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๐๓๔ โดยอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเมืองแก้ว เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ และพระยาเมืองตู้ เจ้าผู้ครองเมืองพะเยาในสมัยนั้น เจ้าอาวาสรูปแรกที่ปรากฏในตำนาน คือ พระธรรมปาล ได้เขียนตำนานพระเจ้าตนหลวงออกเผยแพร่
มีสมุดข่อยบันทึกว่า วัดศรีโคมคำ เป็นวัดมาแต่โบราณกาล แต่ยุคหลัง บ้านเมืองตกอยู่ในสงคราม ต้องอพยพโยกย้ายไปอยู่ตามหัวเมือง ที่ปลอดภัยจากข้าศึก ทำให้บ้านเมือง วัดวาอาราม รกร้างว่างเปล่าไป ต่อมาภายหลังได้สถาปนาเมืองพะเยาขึ้น บ้านเมืองก็ดี วัดวาอารามก็ดี ก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ตามลำดับ ถึงปีพุทธศักราช ๒๔๖๕ พระครูศรีวิราชวชิรปัญญา เจ้าคณะแขวงเมืองพะเยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทางฝ่ายบ้านเมืองคือ พระยาประเทศอุดรทิศ เจ้าผู้ครองเมืองพะเยา ร่วมกันไปอาราธนาท่านครูบาศรีวิชัยจากจังหวัดลำพูน มาเป็นประธาน ในการสร้างพระวิหารหลวงและเสนาสนะต่างๆ จนสำเร็จบริบูรณ์ กระทั่งเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานยกฐานะขึ้นเป็น พระอารามหลวง นอกจากนี้ ยังมี
ชะตาพระเจ้าตนหลวงตามตำนาน กล่าวได้ว่า “พระโมลีใหญ่ ๒๐ กำมือ สูง ๓ ศอก พระเศียรกลม ๖ วา พระเกศามี ๑,๕๐๐ เส้น ขนาดใหญ่ ๔ กำมือ ขนาดกลาง ๓ กำมือ ขนาดเล็ก ๒ กำมือ ขนาดจิ๋ว ๑ กำมือ พระพักตร์หน้ายาว ๒ วา กว้าง ๒ วา พระขนง (คิ้ว) ๓ ศอก ระหว่างพระขนงกว้าง ๑ ศอก ยาว ๓ ศอก กว้าง ๑ คืบ ดั้งพระนาสิก ๓ ศอก ๑ คืบ ใหญ่ ๖ กำมือ พระโอษฐ์ (ปาก) ยาว ๔ ศอก กว้าง ๑ คืบ ใหญ่ ๖ กำมือ พระกรรณ (หู) ยาว ๖ ศอก กว้างศอกคืบ พระศอยาว ๒ ศอก กลม ๓ วา พระอังสา (บ่า) ยาว ๓ คืบ กระดูกด้ามมีดยาว ๔ วา ตั้งแต่พระอุระ (อก) ถึงพระชานุ (คาง) ๒ วา ตั้งแต่พระถัน (นม) ถึงพระอังสา (ไหล่) ๒ วา ตั้งแต่พระนาภี (สะดือ) ถึงพระอุระ (อก) ๒ วา ระหว่างพระอุระ (อก) กว้าง ๒ วา พระพาหา (แขน) ยาว ๔ วา กลม ๒๙ กำมือ นิ้วพระหัตถ์ใหญ่ ๙ กำมือ ยาว ๑ วา พระกฏิ (สะเอว) กลม ๗ วา ฝ่าพระบาทยาว ๒ วา กว้าง ๓ ศอก ระหว่างพระชานุกว้าง ๗ วา พระหทัยใหญ่ ๖ กำมือ ตั้งแต่ที่ประทับนั่งถึงพระโมลี สูง ๘ วา ๒ ศอก”
“พระเจ้าตนหลวง” หรือ “พระเจ้าองค์หลวง” มิใช่เป็นแต่เพียงพระพุทธรูปคู่เมืองพะเยาเท่านั้น แต่ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอาณาจักรล้านนาไทยด้วย ในช่วงเดือนหกของทุกปี ประมาณเดือนพฤษภาคม ตรงกับวันวิสาขบูชา จะมี งานนมัสการพระเจ้าตนหลวง หรือ เทศกาล “แปดเป็ง” จะมีประชาชนในจังหวัดพะเยาและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการก่อสร้างพระเจ้าตนหลวง เมื่อครั้งสมัยที่ยุคทองทางพระพุทธศาสนาของล้านนา ประชาชนจึงเชื่อว่าพระเจ้าตนหลวง คือ ตัวแทนของพระพุทธเจ้า ใครที่ได้มากราบสักการะแล้ว จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลอยู่ดีมีสุขตลอดไป
วัดบุญยืน

พระครูภาวนาธิคุณ (ครูบาอินโต คนฺธํวโส)
ดินแดนแห่งแผ่นดินลานนา ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เป็นดินแดนที่ร่ำรวยมั่งคั่งด้วยศิลปะและวัฒนธรรมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความรุ่งเรื่องทางพุทธศาสนาบนดินแดนแถบนี้มาช้านาน ปัจจุบันยังปรากฏโบราณสถานโบราณวัตถุเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองทางพุทธศาสนาในอดีต ณ ดินแดนแห่งนี้ได้อย่างดี วิวัฒนาการด้านศาสนาของเมืองพะเยา พระเถราจารย์ล้วนเป็นผู้ที่บทบาทโดยตรงในการทะนุบำรุง ดังจะเห็นได้จากการสืบสานประวัติพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพะเยา จากพระธรรมปาละเถระ การจารึกในศิลาหินทรายของวัดต่างๆ การแต่งหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ของพระรัตนปัญญาเภระ การบันทึกเหตุการณ์บ้านเมืองของพระครูศรีวิราชวชิรปัญญา ตลอดจนการเขียนหนังสือท้องถิ่นของหลวงพ่อพระธรรมวิมลโมลี(เจ้าอาวาสวัดพระเจ้าตนหลวงองค์ปัจจุบัน) พระเถราจารย์ที่มีชื่อเสียงทางวิปัสสนาธุระจนเป็นที่เคารพนับถือและศรัทธาของชาวเมืองพะเยาถ้วนหน้า อาทิ ครูบาปัญญาปัญโญ ครูบาแก้ว คันธะวังโส แห่งวัดพระเจ้าตนหลวง และครูบาอินโต คันธะวังโส แห่งวัดบุญยืน โดยเฉพาะครูบาอินโต คันธะวังโส หรือพระครูภาวนาธิคุณ นับเป็นพระเถราจารย์ที่ชาวพะเยาให้ความเคารพนับถือเป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้จากการออกเหรียญรุ่นแรกที่สร้างเมือง ปี พ.ศ.2508 นั้น นับเป็นเหรียญที่มีการกล่าวเล่าลือถึงความขลังศักดิ์สิทธิ์และความเป็นสิริมงคลของผู้ได้ครอบครองบูชา กระทั่งมีความต้องการและแสวงหาของผู้คนทั่วไปอยู่ทุกวันนี้
ประวัติวัดบุญยืน ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา
วัดบุญยืน เดิมชื่อ วัดสร้อยคำ สร้างเมื่อ พ.ศ.2410 ปีมะแม จ.ศ.2649 ร.ศ.126 วัดสร้อยคำตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดบุญยืนในปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันที่ดินของวัดสร้อยคำ ได้กลายเป็นที่ดินของชาวบ้านไปหมดแล้ว ต่อมาทางวัดบุญยืนโดยมีเจ้าอาวาสและคณะศรัทธา ได้พร้อมกันย้ายวัดมาตั้งอยู่ที่ใหม่เมื่อ ปี พ.ศ.2450 โดยเอาที่ดินของวัดสร้อยคำเดิมแลกเปลี่ยนกับที่ดินของ พ่ออุ้ยตื้อ เบิกบาน และเนื่องจากที่ดินของวัดยังคับแคบ ทางวัดจึงได้ขยายที่ดินให้กว้างออกไปโดยได้ซื้อที่ดินของชาวบ้านเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 3 ไร่ 1 งาน โฉนดเลขที่ 91 เป็นจำนวนเงิน 7 แถบหรือรูปีย์(เงินแถบเป็นเงินที่ใช้สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1-2) และได้เปลี่ยนชื่อวัดจากวัดสร้อยคำ มาเป็น วัดศรีบุญยืน และได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็นวัดบุญยืน มาจนปัจจุบันนี้ วัดบุญยืน มีอาณาเขตที่ล้อมรอบด้วยทางสาธารณะประโยชน์ โดยภายในวัดมีอาคารและเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ 1 หลัง วิหารพระพุทธชินราชจำลอง 1 หลัง ศาลาการเปรียญ 1 หลัง มณฑปที่ประดิษฐานรูปเหมือนครูบาอินโต 1 หลัง พระธาตุเจดีย์ 1 องค์ กุฏิสงฆ์ 6 หลัง จำนวน 17 ห้อง โรงครัว 1 ห้อง หอระฆัง 2 หลัง
วัดไชยอาวาส
สถานที่ตั้งของวัด วัดไชยอาวาสตั้งอยู่เลขที่ 2 บ้านประตูเหล็ก ถนนราชวงศ์ หมู่ 1 ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
ประวัติความเป็นมาของวัด
วัดไชยอาวาส เดิมชื่อ วัดปักคำ หรื วัดประตูเหล็ก เดิมเป็นวัดร้าง วัดไชยอาวาส ตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืิอง ซึ่งทำด้วยเหล็กล้วน ชาวบ้านจึงเรียกตามว่า วัดประตูเหล็ก แต่ปัจจุบันประตูเหล็กได้ชำรุดไปนานแล้ว
วัดไชยอาวาส เป็นวัดพี่วัดน้องกับวัดหลวงสัณฐาน ซึ่งอยู่ใกล้เคีียงกัน ในสมัยข้าหลวงวงศ์ได้เข้ามาปกครองเมืองพะเยา และได้มาบูรณะซ่อมแซมวัดไชยอาวาส และวัดหลวงราชสัณฐาน และได้นิมนต์พระอินทจักร์ มาเป็นเจ้าอาวาส วัดประตูเหล็ก( วัดไชยอาวาสในปัจจุบัน) และได้นิมนต์พระำภิกษุอันทร์ อินโธ มาจากเมืองลำปาง มาเป็นเจ้าอาวาส วัดหลวงสัณฐาน ทั้งสองวัดจึงเป็นวัดพี่วัดน้องมาแต่โบราณ วัดไชยอาวาส และวัดหลวงราชสัณฐาน ทั้งสองวัดจะมีประเพณีนำเอา อาหาร ขนม มาแลกเปลี่ยนกัน ในวันสำคัญทางศาสนาเช่น วันเข้าพรรษา วันสงกรานต์ หรือวันปี๋ใหม่เมือง เป็นประจำทุกปี
อาคารเสนสนะ ประกอบด้วยอุโบสถศาลาการเปรียญ วิหาร กุฎิ
ปูชนีย์วัตถุ ประำกอบด้วยเจดีย์
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดหลวงราชสัณฐาน
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง
วัดหลวงราชสัณฐาน จ. พะเยา
วัดหลวงราชสัณฐาน (วัดขี้เหล็ก) ต. เวียง อ.เมือง จ. พะเยา เดิมมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ในวิหาร แต่วิหาร เก่าแก่มากตามประวัติสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.1717วิหารโดนพายุ พัดพังลง เมื่อประมาณ ปี 2527ภาพภาพจิตรกรรมฝาผนังเสียหายพังไปมากภาพที่เหลือได้ถูก ซ่อมแซม และนำไปติดตั้งไว้ที่ฝาผนังในวิหารที่สร้างขึ้นมาใหม่ (ปัจจุบัน)
.jpg)
* ภาพวิหารถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2526 ก่อนที่จะพังทลาย ปีเดียว
วิหารเป็น ทรงลดหลั่นของหลังคา 3 ชั้นใช้แป้นเกล็ดมุงหลังคา คันทวยที่ชายคาเป็นไม้แกะฝีมือละเอียดสวยงานมาก
เคยลองเดินดูรอบๆ ไม่ซ้ำลายกันเลย ผนังด้านหน้าเลยที่ก่อปูนไปจะเป็นไม้ลายเมฆไหลช่วงบนวิหารทั้งหมดเป็นเครื่องไม้ ใช้เสาไม้กลมขนาดใหญ่ทาสีแดง ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่นำมาให้ชมนี้ เป็นภาพถ่ายช่วงประมาณปี 2521
โดยข้าพเจ้า ขณะนั้นได้ทำงานที่ งานอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง กองโบราณคดี กรมศิลปากรและได้ร่วมงานปฏิบัติงาน อนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังที่วัดหลวงราชสัณฐานแห่ง นี้ ขณะนั้นได้ บันทึกหลักฐาน ภาพจิตรกรรมฝาผนังไว้ทั้งหมด ผู้ถ่ายเป็นหัวหน้าใหญ่ขณะนั้น คือคุณอาภรณ์ ณ สงขลา จะใช้กล้อง Hasselblad และพวกข้าพเจ้าทีมงาน ก็วัดแสง และรีเฟล็กสะท้อนให้แสง
โดยใช้กระดาษสีเงินปะติดแผ่นไม้อัด เนื่องจากจะไม่ใช้ไฟแฟล็ช เพราะมีผลกระทบต่อตัวภาพจิตรกรรม
แต่ภาพที่นำมานี้ มิใช่ต้นฉบับ เป็นภาพสแกนจากหนังสือของ กรมศิลปากร
เนื่องจากเป็นวิหารที่เป็นผนังปูนผสมไม้จึงมีการเขียนในพื้นที่ และวัสดุที่ หลากหลาย เช่น
1.เขียนบนผนังปูนด้วยสีฝุ่น
2.บริเวณที่เป็นไม้จะเขียนบนกระดาษสา และ ผ้า ปะปิดลงไปบนไม้
3.เขียนบนเสาไม้
.jpg)
* ภาพซ้ายจะเห็นเป็นงานเขียนบนผ้า ปิดบนผนังไม้
เนื้อเรื่องของภาพจิตรกรรม จะเป็นมหาชาติ พุทธประวัติ ภาพนรกสวรรคภาพธรรมชาติ ชุมชนชาวบ้าน
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
* ภาพแสดงวิถีชาวบ้าน ภาพนี้ จะสังเกตภาพวิหารคล้าย วิหารหลังนี้
.jpg)
.jpg)
.jpg)
สภาพการพังทลาย ของวิหารวัดหลวงราชสัณฐาน ในปี พ.ศ.2527
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ภาพวิหาร วิหารวัดหลวงราชสัณฐาน ปัจจุบันมีการสร้างขึ้นมาใหม่
อนุรักษ์ ให้เหมือนวิหาร ของเดิม
รวมทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยังหลงเหลืออยู่ ที่ปิดเข้าไปกับผนังวิหารใหม่
.jpg)
.jpg)
เห็นเวลาล่วงเลย มานานมาก ไม่ค่อยได้พบเห็นเรื่องราว จากสื่ออื่นๆ มากนัก
จึงอย่างจะเผยแพร่ภาพ จิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้ ให้ได้เห็นกัน ซึ่งคนรุ่นใหม่ๆ คงไม่เคยเห็น
อ้างอิง : ศิลปากร : นิตยาสารของกรมศิลปากร . ปีที่ 28 เล่ม 4 กันยายน 2527
ที่มาhttp://lannaartist.rmutl.ac.th/index.php?md=content&id=347&jb=view
วัดราชคฤห์เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดใหม่ เป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางเมือง มีบรรยากาศสงบร่มรื่น ภายในวัดประดิษฐานเจดีย์องค์ไม่ใหญ่นักแต่งามน่าแวะเที่ยวชม ความโดดเด่น คือ ซุ้มประตูโขงและเจดีย์อันงดงาม ซุ้มประตูโขงเป็นซุ้มประตูทางเดินเข้าสู่วัด ประดับด้วยปูนปั้น นางฟ้าเทวดา พญานาค และดอกไม้ ลวดลายโดดเด่นสะดุดตา ยอดซุ้มประตูเป็นรูปพรหมสี่หน้า เจดีย์อยู่ด้านหลังโบสถ์ เป็นทรงแปดเหลี่ยมย่อมุม สูงประมาณ ๒๐ เมตร องค์เจดีย์มีซุ้มจระนำและเจดีย์บริวารทั้งสี่ทิศตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ลานประทักษิณรอบเจดีย์กว้างด้านละ ๑.๕๐ เมตร มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ประตูทางเข้ามีสี่ด้าน มีรูปปั้นสิงห์คู่เฝ้าประตูทุกด้าน นับเป็นเจดีย์ศิลปะล้านนาที่สวยงามของเมืองพะเยา
--------------------------------------------------------------------------------
วัดหลวงราชสัณฐาน จ. พะเยา
วัดหลวงราชสัณฐาน (วัดขี้เหล็ก) ต. เวียง อ.เมือง จ. พะเยา เดิมมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ในวิหาร แต่วิหาร เก่าแก่มากตามประวัติสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.1717วิหารโดนพายุ พัดพังลง เมื่อประมาณ ปี 2527ภาพภาพจิตรกรรมฝาผนังเสียหายพังไปมากภาพที่เหลือได้ถูก ซ่อมแซม และนำไปติดตั้งไว้ที่ฝาผนังในวิหารที่สร้างขึ้นมาใหม่ (ปัจจุบัน)
.jpg)
* ภาพวิหารถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2526 ก่อนที่จะพังทลาย ปีเดียว
วิหารเป็น ทรงลดหลั่นของหลังคา 3 ชั้นใช้แป้นเกล็ดมุงหลังคา คันทวยที่ชายคาเป็นไม้แกะฝีมือละเอียดสวยงานมาก
เคยลองเดินดูรอบๆ ไม่ซ้ำลายกันเลย ผนังด้านหน้าเลยที่ก่อปูนไปจะเป็นไม้ลายเมฆไหลช่วงบนวิหารทั้งหมดเป็นเครื่องไม้ ใช้เสาไม้กลมขนาดใหญ่ทาสีแดง ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่นำมาให้ชมนี้ เป็นภาพถ่ายช่วงประมาณปี 2521
โดยข้าพเจ้า ขณะนั้นได้ทำงานที่ งานอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง กองโบราณคดี กรมศิลปากรและได้ร่วมงานปฏิบัติงาน อนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังที่วัดหลวงราชสัณฐานแห่ง นี้ ขณะนั้นได้ บันทึกหลักฐาน ภาพจิตรกรรมฝาผนังไว้ทั้งหมด ผู้ถ่ายเป็นหัวหน้าใหญ่ขณะนั้น คือคุณอาภรณ์ ณ สงขลา จะใช้กล้อง Hasselblad และพวกข้าพเจ้าทีมงาน ก็วัดแสง และรีเฟล็กสะท้อนให้แสง
โดยใช้กระดาษสีเงินปะติดแผ่นไม้อัด เนื่องจากจะไม่ใช้ไฟแฟล็ช เพราะมีผลกระทบต่อตัวภาพจิตรกรรม
แต่ภาพที่นำมานี้ มิใช่ต้นฉบับ เป็นภาพสแกนจากหนังสือของ กรมศิลปากร
เนื่องจากเป็นวิหารที่เป็นผนังปูนผสมไม้จึงมีการเขียนในพื้นที่ และวัสดุที่ หลากหลาย เช่น
1.เขียนบนผนังปูนด้วยสีฝุ่น
2.บริเวณที่เป็นไม้จะเขียนบนกระดาษสา และ ผ้า ปะปิดลงไปบนไม้
3.เขียนบนเสาไม้
.jpg)
* ภาพซ้ายจะเห็นเป็นงานเขียนบนผ้า ปิดบนผนังไม้
เนื้อเรื่องของภาพจิตรกรรม จะเป็นมหาชาติ พุทธประวัติ ภาพนรกสวรรคภาพธรรมชาติ ชุมชนชาวบ้าน
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
* ภาพแสดงวิถีชาวบ้าน ภาพนี้ จะสังเกตภาพวิหารคล้าย วิหารหลังนี้
.jpg)
.jpg)
.jpg)
สภาพการพังทลาย ของวิหารวัดหลวงราชสัณฐาน ในปี พ.ศ.2527
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ภาพวิหาร วิหารวัดหลวงราชสัณฐาน ปัจจุบันมีการสร้างขึ้นมาใหม่
อนุรักษ์ ให้เหมือนวิหาร ของเดิม
รวมทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยังหลงเหลืออยู่ ที่ปิดเข้าไปกับผนังวิหารใหม่
.jpg)
.jpg)
เห็นเวลาล่วงเลย มานานมาก ไม่ค่อยได้พบเห็นเรื่องราว จากสื่ออื่นๆ มากนัก
จึงอย่างจะเผยแพร่ภาพ จิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้ ให้ได้เห็นกัน ซึ่งคนรุ่นใหม่ๆ คงไม่เคยเห็น
อ้างอิง : ศิลปากร : นิตยาสารของกรมศิลปากร . ปีที่ 28 เล่ม 4 กันยายน 2527
ที่มาhttp://lannaartist.rmutl.ac.th/index.php?md=content&id=347&jb=view
วัดราชคฤห์เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดใหม่ เป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางเมือง มีบรรยากาศสงบร่มรื่น ภายในวัดประดิษฐานเจดีย์องค์ไม่ใหญ่นักแต่งามน่าแวะเที่ยวชม ความโดดเด่น คือ ซุ้มประตูโขงและเจดีย์อันงดงาม ซุ้มประตูโขงเป็นซุ้มประตูทางเดินเข้าสู่วัด ประดับด้วยปูนปั้น นางฟ้าเทวดา พญานาค และดอกไม้ ลวดลายโดดเด่นสะดุดตา ยอดซุ้มประตูเป็นรูปพรหมสี่หน้า เจดีย์อยู่ด้านหลังโบสถ์ เป็นทรงแปดเหลี่ยมย่อมุม สูงประมาณ ๒๐ เมตร องค์เจดีย์มีซุ้มจระนำและเจดีย์บริวารทั้งสี่ทิศตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ลานประทักษิณรอบเจดีย์กว้างด้านละ ๑.๕๐ เมตร มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ประตูทางเข้ามีสี่ด้าน มีรูปปั้นสิงห์คู่เฝ้าประตูทุกด้าน นับเป็นเจดีย์ศิลปะล้านนาที่สวยงามของเมืองพะเยา
--------------------------------------------------------------------------------
วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วัดศรีอุโมงค์คำ
ในส่วนของชื่อวัดแห่งนี้ มีเอกสารระบุว่า คำว่า “ศรี” หรือที่ล้านนาอ่านว่า “สะ-หรี” หมายถึง ต้นโพธิ์ หรือความเป็นมงคล เป็นสิ่งอันประเสริฐ ดังนั้นคนโบราณจึงใช้ชื่อศรีนำหน้าเพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่วนคำว่า“อุโมงค์” นั้นชัดแจ้งว่าหมายถึงอุโมงค์ หรือถ้ำ ซึ่งเดิมทีชาวบ้านเชื่อกันว่าใต้ฐานโบสถ์ของวัดแห่งนี้ มีถ้ำหรืออุโมงค์อยู่ สามารถลอดไปโผล่ยังแม่น้ำอิงที่ไหลผ่านใจกลางกว๊านพะเยาได้
และสุดท้ายคำว่า “คำ” หมายถึง ทองคำ ซึ่งที่มาของคำนี้มีความเชื่อแยกย่อย แตกออกไป 3 ประการด้วยกัน
ประการแรกเชื่อว่าที่นี่มีพระพุทธรูปทองคำฝังอยู่ใต้ฐานอุโมงค์
ประการที่สองเชื่อว่าที่นี่มีอุโมงค์ลงรักปิดทอง สามารถนำพระบรมธาตุมาประดิษฐานไว้ได้
และประการที่สามเชื่อว่า เชื่อว่าที่นี่มี“สะเปา”(เรือ)ที่ลงรักปิดทองอยู่
วัดศรีอุโมงค์คำ ชาวบ้านมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดสูง” ตามลักษณะพื้นที่ตั้งวัดที่เป็นเนินสูงเด่น เป็นเนินที่เกิดจากการขุดสระของชาวบ้านแล้วนำดินไปถมจนเกินเป็นเขินเขาขนาดใหญ่ขึ้นมา โดยเหตุผลของการขุดสระนั้นมีอยู่ 2 ประการด้วยกัน
ประการแรก เมืองพะเยาก่อนที่จะมีกว๊านพะเยาดังเช่นทุกวันนี้ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง มักประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำ ชาวบ้านจึงร่วมมือกันขุดสระขึ้นมา เพื่อใช้อุปโภค บริโภค และเพื่อการเกษตรกรรมประการที่สอง ชาวบ้านขุดสระขึ้นมาเพราะต้องการดินมาสร้างเป็นเนินเขาขนาดย่อม เพื่อก่อสร้างวัด เจดีย์ วิหาร ลงบนเนินให้ดูมีความโดดเด่น สูงสง่า สมค่ากับการเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
ขณะเดียวกันก็มีบางข้อมูลระบุว่า เนินภูเขาดินของวัดศรีอุโมงค์คำนั้น สร้างขึ้นจากดินที่ขุดมาจากกว๊านพะเยา แต่ถ้าพิจารณาให้ดีๆจะพบว่าพ.ศ.ที่สร้างกว๊านพะเยานั้น ห่างจากอายุความเก่าแก่ของวัดแห่งนี้อยู่เป็นร้อยๆปีเลยทีเดียว
และนั่นก็คือที่มาที่ไปของวัดศรีอุโมงค์คำที่แม้จะมีความเชื่ออันหลากหลายมาเกี่ยวข้อง แต่ว่าความเชื่อบางอย่างก็มีความสมเหตุสมผลอยู่ในตัวของมัน
ของดีวัดศรีอุโมงค์คำ
วัดศรีอุโมงค์คำ ถือเป็นหนึ่งในวัดสำคัญของจังหวัดพะเยาที่มีของดีในระดับโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อยู่มากพอดู
เริ่มกันตั้งแต่สิ่งที่มองเห็นมาแต่ไกลเมื่อย่างก้าวเข้าวัดมานั่นก็คือ องค์พระธาตุเจดีย์บนเนินที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหลังของโบสถ์ เจดีย์องค์นี้บางข้อมูลระบุว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยเชียงแสน แต่จากเอกสารของวัดระบุว่าไม่ปรากฏหลักฐาน ปี พ.ศ.ที่สร้างชัดเจน แต่น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปี ลักษณะเจดีย์แม้เป็นทรงล้านนาทั่วไป แต่มีความโดดเด่นตรงที่มีฐานย่อมุมไม้ 12 และมีซุ้มพระประดับอยู่ทั้ง 4 ด้าน
ด้วยความที่เจดีย์องค์นี้ ในอดีตมักถูกฟ้าผ่าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้คนโบราณหลายคนเชื่อว่าเป็นเจดีย์อาถรรพ์ แต่หากมองกันในข้อเท็จจริงของหลักวิทยาศาสตร์ ยุคนั้นยังไม่มีสายล่อฟ้าการที่เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่บนเนินที่สูงถือเป็นสื่อนำไฟฟ้าอย่างดี ดังนั้นเมื่อกาลเวลาผ่านไปมีการติดตั้งสายล่อฟ้าที่เจดีย์ขึ้นก็ทำให้ปัญหาเรื่องฟ้าเจดีย์หักพังเป็นอันหมดไป
ส่วนอีกหนึ่งเรื่องเล่าที่มีคนเคยเห็นแสงคล้ายลูกแก้วลอยจากพระธาตุวัดลี มาสู่องค์พระธาตุที่วัดศรีอุโมงค์คำในค่ำคืนวันพระสำคัญๆนั้น ถือเป็นคำบอกเล่าที่วันนี้ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้
จากเจดีย์ก่อนที่จะเข้าไปชมของดีภายในโบสถ์ ขอพาไปไหว้“พระเจ้าทันใจ” ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระหลังเล็กๆ ณ มุมหนึ่งของวัดกันก่อน
พระเจ้าทันใจองค์นี้ ดั้งเดิมเป็นพระจากที่ไหนไม่มีใครทราบ แต่ในปี พ.ศ. 2497 หลวงพ่อใหญ่ หรือพระธรรมวิมลโมลีที่ขณะนั้นเป็นพระครูพินิตธรรมประภาส ได้ย้ายจากวัดเมืองชุม ต.แม่ต๋ำ มาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ ความที่หลวงพ่อใหญ่เป็นผู้นิยมสะสมพระพุทธรูปเก่า เมื่อท่านพบพระพุทธรูปองค์นี้ที่สวนของนายอัฐ สายวรรณะ ใกล้ๆกับป่าช้าวัดลี(แหล่งขุดค้นงานพุทธศิลป์หินทรายอันสำคัญแห่งเมืองพะเยา) จึงอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดศรีอุโมงค์คำในปีเดียวกันนั่นเอง
พระเจ้าทันใจองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปหินทรายที่ได้ชื่อว่ามีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาพระพุทธรูปหินทรายที่ขุดค้นพบ เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ไม่มีชื่อเรียก แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน คนที่มาสักการะขอพรมักสมหวังในไม่นาน ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า “พระเจ้าทันใจ”
ใกล้กับพระเจ้าทันใจมีพระพุทธรูปหินทรายสีอ่อนกว่าองค์เล็กกว่าประดิษฐานอยู่ข้างๆ พระพุทธรูปองค์นี้คือ “พระเจ้ากว๊าน”องค์จำลอง
สำหรับพระเจ้ากว๊าน หรือ “หลวงพ่อศิลา” เป็นพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา ปางมารวิชัยอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี ถูกค้นพบในกว๊านพะเยาช่วงน้ำลดในปี พ.ศ. 2526 (ก่อนจะเป็นอ่างเก็บน้ำในปี 2482 กว๊านพะเยาเคยเป็นชุมชนมีวัดมีหมู่บ้านมาก่อน)
พระเจ้ากว๊าน ถูกอัญเชิญจากกว๊านพะเยามาประดิษฐานที่วัดศรีอุโมงค์คำอยู่ 20 กว่าปี จนกระทั่งทางการบูรณะปรับแต่ง”วัดติโลกอาราม”กลางกว๊านพะเยาเสร็จสิ้น จึงได้ได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับไปประดิษฐานที่วัดติโลกอารามในกว๊านพะเยาตามเดิม
นั่นจึงทำให้ทางวัดศรีอุโมงค์คำ สร้างองค์พระเจ้ากว๊านจำลองขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงว่าครั้งหนึ่งท่านเคยมาประดิษฐานอยู่ที่นี่พระพุทธรูปสำคัญภายในโบสถ์
โบสถ์ของวัดศรีอุโมงค์คำ ตั้งอยู่บนเนิน ลักษณะภายนอกดูเรียบง่ายเหมือนโบสถ์ทั่วไป ส่วนลักษณะภายในนั้นยิ่งดูเรียบง่ายเข้าไปใหญ่ ไม่มีจิตรกรรมฝาผนังลวดลายวิจิตร ไม่มีอะไรหวือหวา มีเพียงองค์พระประธานและพระพุทธรูปบริวารประดิษฐานอยู่ ดูสงบนิ่งแฝงความขรึมขลังอยู่ในที
สำหรับภายในโบสถ์วัดศรีอุโมงค์คำที่ดูเรียบง่ายไม่หวือหวา ชนิดที่ใครหลายคนเมื่อมาเจอบรรยากาศแบบนี้แล้ว อาจจะทำเพียงแค่ยืนไหว้พระประธานที่ด้านนอกก่อนสะบัดเอวจากไป แต่หารู้ไม่ว่า ถ้าไม่ด่วนใจร้อน ใช้เวลาเดินเข้าไปสักหน่อย สำรวจสังเกตมองให้ถ้วนถี่รอบคอบ จะพบว่าในโบสถ์หลังนี้มีพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษอยู่ 2 องค์ด้วยกัน
องค์แรกคือ องค์แรกคือ “พระเจ้าแข้งคม” ประดิษฐานอยู่ทางมุมด้านขวาของโบสถ์ พระเจ้าแข้งคมเป็นพระพุทธรูปหินทรายที่น่ายลงานศิลปะพื้นบ้าน
เหตุที่พระพุทธรูปองค์นี้ได้ชื่อว่าพระเจ้าแข้งคม เป็นเพราะท่านมีหน้าแข้ง(พระชงฆะ) เป็นเหลี่ยมเป็นสันคมชัดอย่างชัดเจน นับเป็นอีกหนึ่งในงานพุทธศิลป์พื้นบ้านล้านนาที่ปัจจุบันหาชมได้ยากยิ่ง
จากพระเจ้าแข้งคมมาถึงองค์พระประธานที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ภายในโบสถ์ พระประธานองค์นี้คือ ”พระเจ้าล้านตื้อ”
พระเจ้าล้านตื้อ มีหลักฐานปรากฏในศิลาจารึกว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเมืองสร้อยพะเยา ในราวปี พ.ศ. 2058 แต่ไม่ทราบว่าดั้งเดิมมาจากที่ไหน เพราะพบถูกทิ้งอยู่ที่สนามเวียงแก้ว(ปัจจุบันเป็นที่ตั้งศาลหลักเมืองพะเยา) ก่อนถูกอัญเชิญมาเป็นพระประธานภายในโบสถ์วัดศรีอุโมงค์คำ
พระเจ้าล้านตื้อ เป็นปางมารวิชัย ทำจากทองสำริด หน้าตักกว้าง 184 เซนติเมตร สูง 270 เซนติเมตร มีอีก 2 ชื่อเรียกว่า “พระเจ้าแสนแส้” หรือ “หลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์”
สำหรับที่มาของชื่อพระเจ้าล้านตื้อนั้น คำว่าตื้อเป็นจำนวนนับของทางล้านนา ตื้อเป็นจำนวนนับที่เยอะมาก จากแสน ล้าน โกฏิ ก็เป็น“ตื้อ” ดังนั้นล้านตื้อจึงหมายถึงความมีน้ำหนักมากของพระพุทธรูปองค์นี้
ส่วนพระเจ้าแสนแส้(บางข้อมูลเขียนว่าแสนแซ่) “แส้” เป็นภาษาล้านนาหมายถึงสลัก พระพุทธรูปนี้มีความพิเศษตรงที่ ตลอดทั้งองค์ของท่านช่างทำเป็นสลัก สามารถถอดประกอบได้ มีทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน คือที่คอ(พระศอ) ข้อศอกทั้ง 2 ข้าง และที่เอวขณะที่ชื่อ“หลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์”นั้น เป็นชื่อที่มาทีหลัง ตั้งเพื่อยกย่องให้เกียรติในความงดงามพระเจ้าล้านตื้อ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งแห่งล้านนา โดยหลวงพี่ที่วัดแห่งนี้บอกกับผมว่า อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินนามอุโฆษ เมื่อมาเห็นพระพุทธรูปองค์นี้ แกไม่รีรอที่จะบอกว่าพระเจ้าล้านตื้องดงามที่สุดในล้านนาตั้งแต่แกเคยพบเจอมา
พระเจ้าล้านตื้อมีพระวรกายอวบอิ่ม สีทองงามอร่าม พระพักตร์ดูอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา มองแล้วให้ความรู้สึกสุขใจอิ่มบุญดีเหลือเกิน
และนี่ก็คือสุดยอดของดีของวัดศรีอุโมงค์คำ วัดที่แม้จะไม่ได้ชื่อว่า ถ้าไปแอ่วพะเยาแล้วไม่ได้เยือนวัดนี้เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึง แต่นี่ถือเป็นวัดที่ถ้าไปแอ่วพะเยาแล้ว หากมีโอกาสแวะเวียนไปเยือน เราก็จะมีกำไรในชีวิตเพิ่มมากขึ้น
วัดราชคฤห์ ตั้งอยู่เลขที่ ๔๖๐/๓ ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา วัดนี้เป็นวัดนี้เป็นวัดที่อยู่ในตัวเมืองพะเยา ติดกับศาลหลักเมืองพะเยา ด้านหน้าประตูทางเข้าจะเป็นประตูโขงขนาดใหญ่เป็นการก่ออิฐถือปูนมีรูปเทวดาปูนปั้น บนยอดมีรูปพรหมสี่หน้า
ภายในวัดมีพระอุโบสถ กว้างราวประมาณ ๒๐ เมตร ยาวเกือบ ๔๐ เมตรภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทราย ลงรักปิดทอง งดงามองค์หนึ่งในล้านนา ด้านหลังพระอุโบสถเป็นองค์เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ย่อมุมมีซุ้มจรนำทั้งสี่ทิศ บนเรือนธาตุมีเจดีย์บริวารทั้งสี่ด้าน องค์ระฆังของเจดีย์ฉาบด้วยสีทอง ทางประตูข้าวของกำแพงแก้วมีรูปปั้นสิงห์คู่ทั้งสี่ด้าน
วัดราชคฤห์ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๑ และเคยเป็นที่จำพรรษาของพระราชวิริยสุนทร อดีตเจ้าคณะจังหวัดพะเยา
วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555
Kwan Phayao Lake House กว๊านพะเยาเล๊คเฮ้าส์
กว๊านพะเยาเล๊คเฮ้าส์ บริการของ Kwan Aing Home Stay ตั้งอยู่ชุมชนวัดศรีอุโมงคำ 45 ถ.ราชวงค์ ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา กลางเมือง ใกล้กว๊าน ให้บริการ ที่พักรายวัน กาแฟสด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี(Wi-Fi) ที่จอดรถบนดิน กาแฟสด ขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอกไก่ ทุกเช้า กิจกรรมท่องเที่ยวกับ กว๊านอิงโฮมสเตย์ สัมผัสวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ตลาดเช้า ตักบาตรริมกว๊าน นั่งเรือท่า”วัดติโลกอาราม” ไหว้พระเจ้ากว๊าน(หลวงพ่อศิลา) พระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา ปางมารวิชัย อายุกว่า 500 ปี กลางทะเลสาปกว๊านพะเยา ขอพรพระเจ้าล้านตื้อ วัดศรีอุโมคำ เที่ยวสวนกาแฟอราบิก้า(แหล่งวัตถุดิบกาแฟ COWBOY COFFEE) สัมผัสกลิ่นไอสวนกาแฟ ลิ้มรสกาแฟสด พักแรม ณ.สวนกาแฟ ธรรมชาติชนบทและวิถีชีวิตท้องถิ่นบนดอย หรือท่านจะกลับสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นในเมือง วันศุกร์-เสาร์ ถนนคนเดินริมกว๊าน วันอาทิตย์ ถนนคนเดินเวียงแก้ว(ศาลหลักเมืองพะเยา) เครื่องดื่มเบาๆ กะกาแฟสด ให้วันพักผ่อนที่มีค่าของท่านที่ Kwan Phayao Lake House ยินดีต้อนรับให้บริการท่านที่มาพะเยา ติดต่อจองห้องพัก โทร 054431885 , 0857143454
วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ที่พักพะเยาKwan Phayao Lake House(กว๊านอิงโฮมสเตย์) 490.-790.- /วัน
Kwan Phayao Lake house
กว๊านพะเยาเลคเฮ้าส์ บริการส่วนหนึ่งของ Kwan Aing Home Stay ตั้งอยู่ชุมชนวัดศรีอุโมงคำ 45 ถ.ราชวงค์ ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา กลางเมือง ใกล้กว๊าน ให้บริการ ที่พัก กาแฟสด บรรยากาศโดยรวมชุมชนธรรมชาติ ต้นไม้ บ้านไม้ กลิ่นกาแฟ ในส่วนตัวห้องพัก เครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ฟรีอินเทอร์เน็ตไร้สาย(Wi-Fi) ที่จอดรถบนดิน กาแฟสด ขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอกไก่ ทุกเช้า ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยว กับ กว๊านอิงโฮมสเตย์ สัมผัสวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ตลาดเช้า ตักบาตรริมกว๊าน นั่งเรือท่า”วัดติโลกอาราม” ไหว้พระเจ้ากว๊าน(หลวงพ่อศิลา)พระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา ปางมารวิชัย อายุกว่า 500 ปี กลางทะเลสาปกว๊านพะเยา ขอพรพระเจ้าล้านตื้อ วัดศรีอุโมคำ เที่ยวสวนกาแฟอราบิก้า(แหล่งวัตถุดิบกาแฟCOWBOY COFFEE) สัมผัสกลิ่นไอสวนกาแฟ ลิ้มรสกาแฟสด พักแรม ณ.สวนกาแฟ ธรรมชาติชนบทและวิถีชีวิตท้องถิ่นบนดอย หรือท่านจะกลับสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นในเมือง วันศุกร์-เสาร์ ถนนคนเดินริมกว๊าน วันอาทิตย์ ถนนคนเดินเวียงแก้ว(ศาลหลักเมืองพะเยา) เครื่องดื่มเบาๆ กะกาแฟสด ให้วันพักผ่อนที่มีค่าของท่านที่ Kwan Phayao Lake house ยินดีต้อนรับให้บริการที่พักรายวัน ติดต่อจองห้องพัก 490 .-790/วัน โทร 054431885, 0857143454
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
เครื่องคั่วมาตรฐานกรมวิชาการเกษตร
เล็กพริกขี้หนูคั่วใหม่ทุกวันทุกครั้งที่สั่งเมล็ดกาแฟ cowboy coffee แนะนำร้านกาแฟแด่ท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม
แนะนำกาแฟ
COWBOY COFFEE ผลิต และจำหน่ายกาแฟคาวบอย กาแฟคั่วARABICA 100% กิโลกรัมละ 300 .- ARABICA BIEND ระดับการคั่วในรูปแบบมาตรฐานCOWBOYCOFFEE ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ t.0812880752 t.0867299798